การเข้าร่วมโครงการฝึกอบรม หลักสูตรพื้นฐานการบริหารจัดการการทำประมงตามหลักการของ
Marine Stewardship Council Fisheries Standard
วันที่ 24 – 26 ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่าลาดพร้าว กรุงเทพฯ
สืบเนื่องจากทั่วโลกได้ตระหนัก และมีความพยายามในการอนุรักษ์ทรัพยากรประมง และสิ่งแวดล้อมของโลก เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการและใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน อันจะมีผลสืบเนื่องไปถึงความมั่นคงทางอาหารสำหรับประชากรของโลก ประเทศไทยตระหนักถึงความสำคัญในการรักษาทรัพยากรทางทะเล และผลักดันการปฏิรูปด้านการประมง โดยกำหนดให้การแก้ไขปัญหาการประมงแบบ IUU เป็นปัญหาสำคัญระดับชาติที่ต้องแก้ไขโดยความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหน่วยงานหลักได้เป็นผู้นำ ในการบูรณาการกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งดำเนินการ ตามแผนงานหลัก 6 แผนงาน ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่องได้แก่
- การปรับปรุงพระราชบัญญัติการประมงและกฎหมายลำดับรอง
- การจัดทำแผนระดับชาติในการป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำประมงแบบ IUU
- การเร่งจดทะเบียนเรือประมง และออกใบอนุญาตทำการประมง
- การพัฒนาระบบควบคุมและเฝ้าระวังการทำประมง โดยเฉพาะการควบคุมการเข้าออกท่าของเรือประมง
- การจัดทำระบบติดตามตำแหน่งเรือ (Vessel Monitoring System – VMS)
- การปรับปรุงระบบการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) รวมทั้งร่วมองค์การบริหารจัดการประมงในภูมิภาคต่างๆ มาตรการที่เกี่ยวข้องในด้านการค้าระหว่างประเทศ (Internationally Agreed Market in – Related Measures
MSC (Marine Stewardship Council) เป็นมาตรฐานด้านการประมงอย่างยั่งยืนที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก โดยดำเนินการติดฉลากเพื่อสิ่งแวดล้อม (Eco – label) ตามแนวทางขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) และใช้กระบวนการรับรองมาตรฐานเป็นเครื่องมือหนึ่งในการอนุรักษ์การประมงทั่วโลกโดยการสร้างแรงจูงใจทางเศรษฐกิจเพื่อการประมงอย่างยั่งยืน เป็นแรงผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตลาดอาหารทะเลของโลก และรณรงค์ให้เกิดการอนุรักษ์แหล่งทรัพยากรประมง โดยอาศัยความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมอาหารทะเลและภาครัฐ ดังนั้น ประเทศไทยในฐะนะผู้ผลิตและส่งออกอาหารที่สำคัญของโลก โดยเฉพาะภาคประมงขนาดเล็กซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการหาอาหารทะเลให้กับประชากรของโลก จะต้องผลักดันให้เกิดการดำเนินงานอย่างมีส่วนร่วมระหว่างกลุ่มประมงกับผู้ประกอบการเป็นปัจจัยความสำเร็จที่สำคัญในการรักษาระบบนิเวศของมหาสมุทร วิถีชีวิตชายฝั่ง และการประมงที่ยั่งยืน จึงมีความจำเป็นให้ทุกภาคส่วนมีโอกาสพัฒนาการประมงให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
วัตถุประสงค์
- เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจพื้นฐานการประมงให้บริบทของหลักการ MSC
- เพื่อสามารถนำเกณฑ์สำหรับการประมงอย่างยั่งยืนไปใช้ในการประเมินสภาพปัญหา อุปสรรค สามารถระบุจุดแข็งจุดอ่อนของการประมงก่อนการประเมินมาตรฐานภายใต้มาตรฐาน MSC
วิทยากร จาก MSC 4 ท่าน ดังนี้
- Mr. Matt Watson
- Mr. Adrian Gutteridge
- Mr. Mathew Hourston
- Ms. Sheryl Torres Wu
รายชื่อผู้เข้าร่วมในนามสมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย
- คุณอัจฉราพรรณ จูด้วง (Supervisor บมจ. ยูนิคอร์ด)
- คุณวรวรรณ เสรีสำราญ (Sr. production Supervisor บจก. เซ้าอีสต์เอเชี่ยนแพคเกจจิ่งแอนด์แคนนิ่ง)
- คุณวมงคล องคะริยะพงษ์ (ผู้จัดการฝ่ายเทคนิค บจก. สยามอินเตอร์เนชั่นแนลฟู๊ด)
- คุณรัตติยา เชียงเนาว์ (เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านประมง)
สรุปสาระสำคัญดังนี้
MSC เป็นองค์กรที่มีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนแปลง Seafood market ให้สามารถทราบแหล่งที่มาของวัตถุดิบสัตว์น้ำที่มีการจัดการที่ดี และมีความยั่งยืน เป็นที่ยอมรับทั่วโลก เนื่องจากมาตรฐาน MSC เป็นมาตรฐานสากล โดยยึดหลักการทำประมงอย่างรับผิดชอบ (FAO – Code of conduct) การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเห็นได้จากการติดฉลากเพื่อสิ่งแวดล้อม (Eco-label)
การประเมินมาตรฐานของ MSC ประกอบด้วย 3 หลักการ คือ
1) ความยั่งยืนของประชากรสัตว์น้ำเป้าหมาย (Sustainable target fish stocks)
2) ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการทำการประมง (Environmental impact of fishing)
3) การจัดการประมงที่มีประสิทธิภาพ (Effective management)
ในการประเมินต้องทราบขอบเขต โครงสร้าง > ตรงตามมาตรฐานหรือไม่ อีกทั้งหลักเกณฑ์ กรอบการประเมินความเสี่ยง > มีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด ต้องดำเนินการอย่างไรให้ก้าวสู่มาตรฐานเพื่อจะนำไปสู่การมีเสถียรภาพทางการประมง ซึ่งในการประเมินมีหลายหน่วยงานเช่น MRAG, SGS เป็นต้น
ความคาดหวังของ MSC คือ ในปี 2030 ผลผลิตจากทะเลทั่วโลก 1 ใน 3 ต้องได้มาตรฐาน MSC โดยในปี 2020 ต้องได้รับการรับรองมากกว่า 20% ทั้งนี้ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งนี้ต้องมีความคุ้มค่าในการประเมินดังนี้ การเข้าถึงแหล่งทุน สังคมให้การยอมรับ มี Road Maps ที่ชัดเจนว่าจะมีการบริหารจัดการทรัพยากรไปในทิศทางใด และรับประกันได้ว่ามีตลาดรองรับสินค้า
กระบวนการประเมินของ MSC มี 2 ขั้นตอนคือ 1) Pre-assessment >> การรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น เพื่อเตรียมความในการประเมินเต็มรูปแบบ (Full assessment) 2) Full assessment >> ประเมินว่าการประมงนี้ผ่านมาตรฐาน MSC หรือไม่ อย่างไรก็ตามต้นทุนในการประเมินขึ้นอยู่กับชนิดของสัตว์น้ำ เครื่องมือประมง และพื้นที่ทำประมง
หลักการที่ 1 ความยั่งยืนของประชากรสัตว์น้ำเป้าหมาย
การทำประมงต้องไม่เข้าสู่สภาวะ Over fishing ที่ส่งผลต่อการลดลงของสัตว์น้ำที่ใช้ประโยชน์ (exploited stock) โดยต้องมีการทดแทนของสัตว์น้ำ (recruitment stock) หรือมีแนวทางการจัดการฟื้นฟูสัตว์น้ำเป้าหมาย ได้แก่การประเมินผลผลิต (สถานภาพประชากรสัตว์น้ำ การฟื้นฟูประชากรสัตว์น้ำ) กลยุทธ์ในการจับสัตว์น้ำ (การทำประมง, การควบคุมการเครื่องมือประมง, การติดตามตรวจสอบ, การประเมินสถานะกลุ่มสัตว์น้ำ)
กฎการควบคุมการจับอย่างมีประสิทธิภาพ (Harvest Control Rules :HCR) เพื่อให้มีการจัดสรรทรัพยากร มีการตอบสนองต่อความไม่เเน่นอนเนื่องจากทรัพยากรมีเพิ่มขึ้นและลดลง ดังนั้นจะมีการจัดการอย่างไร ทั้งนี้ต้องมีการตกลงร่วมกันระหว่าง stakeholder ได้เเก่ การกำหนดโควต้าการทำประมง การควบคุมการลงเเรงประมง และการออกใบอนุญาตทำการประมง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม HCR ต้องสมเหตุสมผลกับทรัพยากร เช่น Yellowfin Tuna ในพื้นที่ WCPFC มีแผนที่จะดำเนินการตามกรอบการพัฒนา HCR เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน MSC
หลักการที่ 2 ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการทำการประมง (Environmental impact of fishing)
โครงการปรับปรุงการทำประมง (FIP) เป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่การได้รับมาตรฐาน MSC ซึ่งในด้านการรักษาระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมของทรัพยากร (Ecosystem and environment) ก็เป็นส่วนสำคัญอีกประการหนึ่งที่จะนำไปสู่ความยั่งยืนของทรัพยากรสัตว์น้ำ เช่น การศึกษาหรือหาแนวทางว่าจะดำเนินการอย่างไรเพื่อให้การทำการประมงส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ขณะเดียวกันก็สามารถนำทรัพยากรมาใช้ได้อย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตามสัตว์น้ำแต่ละชนิดก็มีระบบนิเวศที่แตกต่างกัน เช่น Sea grass, Mangrove, High sea เป็นต้น >> การประเมินมีความซับซ้อนแตกต่างกัน
หลักการประเมินด้านระบบนิเวศ แบ่งได้ 5 ประเด็นดังนี้
- Primary species สัตว์น้ำเป้าหมายในการทำการประมง (Target species) โดยคำนึงถึงมวลชีวภาพของสัตว์น้ำว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานหรือไม่ หากมีการลงแรงประมงมากเกินจะส่งผลต่อชนิดสัตว์น้ำอย่างไร และหากมีการจัดการทรัพยากรต้องมีจุดอ้างอิงตามมาตรฐานที่กำหนด
- Secondary species สัตว์น้ำพลอยจับได้ (by catch) ที่เกิดจากการทำประมง ที่ได้สัตว์น้ำนอกเป้าหมาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ทั้งนี้รวมถึงสัตว์ชนิดอื่นนอกเหนือสัตว์น้ำ เช่น นกทะเล เป็นต้น ในการประเมินอาจใช้ดัชนีทางชีวภาพ เช่น อัตราการทดแทน การแพร่กระจาย เพื่อประเมินว่าสัตว์น้ำดังกล่าวเสี่ยงต่อการสูญพันธ์ุหรือไม่
- Endangered, Threatened or Protected (ETP) species ชนิดพันธุ์ที่ควรได้รับการพิจารณาภายใต้เงื่อนไข “ใกล้สูญพันธุ์” ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อตกลงระดับชาติ นานาชาติ IUCN Red List of Threatened Species หรือเป็นความตกลงระหว่างประเทศ เป็นต้น
ทั้งนี้ในการประเมินว่าสัตว์น้ำจัดอยู่ในสถานะใด ขึ้นอยู่กับการศึกษาสภาวะทรัพยากร ประมง เช่น ผลจับ อัตราการเติบโต การใช้ประโยชน์ การทดแทน การตายโดยการทำประมงรวมถึงข้อมูลทางชีววิทยาของสัตว์น้ำนั้นๆ ซึ่งต้องมีการพิจารณาและให้คะแนนโดยผู้ประเมิน
- Habitat ลักษณะแหล่งอาศัยหลักของสัตว์น้ำที่ได้รับผลกระทบจากการทำประมง ว่าเครื่องมือประมงส่งผลต่อสภาพพื้นที่อย่างไร ร้ายแรงหรือไม่ หรือสามารถฟื้นฟูได้โดยธรรมชาติ เช่น การจัด Zoning ห้ามทำประมงในเขตอนุรักษ์ เพื่อฟื้นฟูแหล่งอาศัยให้กับสัตว์น้ำ หรือการกำหนดเครื่องมือประมงที่สามารถเข้าไปทำประมงในพื้นที่นั้นๆ เป็นต้น
- Ecosystem การประเมินภาพรวมของพื้นที่ว่า มีโครงสร้าง บทบาทหน้าที่ของสิ่งมีชีวิตอย่างไร และหากมีการทำประมงต้องไม่ส่งผลกระทบ หรือไม่ทำลายความสมดุลของระบบนิเวศนั้นๆ
หลักการที่ 3 การจัดการประมงที่มีประสิทธิภาพ (Effective management) และ Ms. Sheryl Torres Wu บรรยาย พื้นฐานข้อมูล MSC Chain of custody
- ลักษณะการบริหารจัดการทรัพยากรที่ดีขึ้นอยู่กับ
1.1 ข้อมูลสัตว์น้ำแต่ละชนิด เช่น share stock, highly migration stock, high sea stock เป็นต้น โดยศึกษาข้อมูลผลผลิต (productivity) จากฐานข้อมูล www.fishbase.org , www.sealifebase.org , บทความทางวิทยาศาสตร์
1.2 วิธีทำการประมง อันจะนำไปสู่การกำหนดมาตรการควบคุมต่างๆ เช่น การกำหนดระเบียบ ข้อบังคับกฎหมายทั้งในระดับภูมิภาค ระดับประเทศ ต่างประเทศ การทำข้อตกลงในการใช้ทรัพยากร ร่วมกัน รวมไปถึงข้อกำหนดอย่างไม่เป็นทางการที่พึงปฏิบัติกันมาอย่างต่อเนื่อง
การออกมาตรการต่างๆ ในการจัดการทรัพยากรต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ซึ่งมีจุดสำคัญคือ การอัพเดทกฎระเบียบที่สอดคล้องตามหลักสากล มีการกำหนดบทบาทชัดเจน มีการตกลงร่วมกัน มีความโปร่งใสในการบริหารจัดการ มีโครงสร้างการบริหารจัดการที่ชัดเจน มีหลักฐานแสดงถึงการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย อีกทั้งมีการเผยแพร่ในที่สาธารณะ ทั้งนี้ต้องมีเป้าหมายในการปฏิบัติในระยะยาว
หลังจากการนำมาตรการ หรือกฎระเบียบมาบังคับใช้ในการทำการประมง ต้องมีการติดตาม ตรวจสอบเพื่อปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติ นอกจากนี้ควรมีการประเมินประสิทธิภาพ การบริหารจัดการของหน่วยงานภาครัฐ และการปฏิบัติตามกฎระเบียบของภาคปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง อันจะนำไปสู่เป้าหมายการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืนต่อไป
- วิทยากรได้ยกตัวอย่างการจัดทำ Pre-assessment และ Full-assessment ในออสเตรเลียฝั่งตะวันตก ว่า มีการเริ่มต้นโครงการโดยรัฐบาลให้ทุนสนับสนุนการประเมิน รวมถึงการ audit อีกด้วย พบว่ามีการประเมินใน 4 พื้นที่ 47 การประมง ที่ได้รับการรับรองจำนวน 110 ซึ่งในการประเมินมี 3,350 ตัวชี้วัด รวมงบประมาณ 600,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย ใช้เวลา 2 ปี (2013–2015) ในการประเมิน ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่แล้วมีผลการประเมินมากกว่า 80% การจัดทำ assessment ต้องกำหนดขอบเขตพื้นที่ คำนึงถึงความคาดหวังของ stakeholder และการกำหนดเป้าหมายวิธีการ อันจะนำไปสู่การจัดการทรัพยากรร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม
- มาตรฐาน MSC Chain of Custody ทำให้ผลิตภัณฑ์จาก MSC ได้รับการรับรองการประมงที่ยั่งยืน และสามารถจำแนกออกจากผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการรับรองได้ สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีฉลาก MSC บริษัททุกบริษัท ในห่วงโซ่อุปทานจะต้องมีใบรับรอง Chain of Custody ที่ถูกต้อง เพื่อให้ได้รับการรับรองธุรกิจต่างๆ ทั้งนี้ต้องได้รับการตรวจสอบโดยหน่วยงานรับรองอิสระ ซึ่งมีหลักการสำคัญ 5 ประการ ที่ทุกบริษัทต้องปฏิบัติตามเพื่อให้ได้ใบรับรอง ดังนี้
3.1 ผ่านการรับรอง >> บริษัทต้องซื้อผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองจาก supplier ที่ได้รับการรับรอง
3.2 ระบุตัวตนได้ >> ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองสามารถระบุได้อย่างชัดเจน
3.3 การคัดแยก >> ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองจะแยกจากที่ไม่ผ่านการรับรอง
3.4 การตรวจสอบและบันทึกได้ >> ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ และมีการบันทึกปริมาณข้อมูล
3.5 การจัดการ >> องค์กรมีระบบการจัดการที่ดี
มาตรฐาน Chain of Custody ได้รับการปรับปรุงในปี 2015 และปัจจุบันมีเวอร์ชันที่เป็นค่าเริ่มต้นด้วยกลุ่ม Consumer-Facing Organization (CFO) อนึ่งมาตรฐานดังกล่าวจะได้รับการตรวจสอบทุก 3 ปี
ภาพประกอบการเข้าร่วมโครงการฝึกอบรม หลักสูตรพื้นฐานการบริหารจัดการการทำประมงตามหลักการของ
Marine Stewardship Council Fisheries Standard
วันที่ 24 – 26 ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่าลาดพร้าว กรุงเทพฯ