ข้อมูลทั่วไปของ “สมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย” สมาคมฯ ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2556 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันนโยบายหลักในการส่งเสริมการประมงที่ยั่งยืน หลายประการได้แก่

  • การใช้ทรัพยากรสัตว์น้ำอย่างยั่งยืนโดยเฉพาะปลาทูน่า การส่งเสริมการทำประมงที่ถูกกฎหมาย
  • การใช้ระบบการตรวจสอบคุณภาพทั้งจากของภาคเอกชนและภาครัฐ มาตรฐานสากล เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าเป็นแหล่งอาหารที่ให้โปรตีนคุณภาพสูงและปลอดภัย
  • การเป็นหน่วยงานที่จะดูแลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดกฎหมายและกฎระเบียบของประเทศไทยและในระดับสากล
  • การมีบทบาทในการเจรจาแก้ไข ลดอุปสรรคทางการค้า ด้านภาษี และอื่นๆ
  • การส่งเสริมและสนับสนุนจริยธรรมในการปฏิบัติต่อแรงงาน
  • การเป็นหน่วยงานที่จะช่วยส่งเสริมหาแหล่งวัตถุดิบทูน่าในด้านปริมาณและคุณภาพทั้งภายในและต่างประเทศ
  • การเป็นศูนย์กลางความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจต่างๆ เพื่อ ให้อุตสาหกรรมทูน่าของไทยเติบโตได้อย่างมั่นคงยั่งยืนมีการดำเนินงานที่เป็นมาตรฐานสากล เป็นที่ยอมรับของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก

หน้าที่และพันธกิจของสมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย

แบ่งเป็น 6 ด้าน คือ

1) ด้านจริยธรรมในการปฏิบัติต่อแรงงาน ตลอดห่วงโซ่การผลิตตั้งแต่เรือจับปลา ท่าเรือ จนถึงโรงงานแปรรูปส่งออก ทุกบริษัทประกาศชัดเจนในการต่อต้านและจะไม่มีการใช้แรงงานผิดกฎหมาย แรงงานเด็กหรือแรงงานบังคับ โดยเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2556 ที่ผ่านมา สมาคมด้านการประมงแห่งประเทศไทย 8 แห่ง ในนาม “สมาคมพันธ์ผู้ผลิตสินค้าประมงไทย (Thai Fisheries Producers Coalition)” ร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการใช้แรงงานผิดกฎหมาย

2) ด้านความปลอดภัยอาหาร ส่งเสริมการตรวจสอบคุณภาพทั้งของภาคเอกชนและภาครัฐตามมาตรฐาน สากล

3) ด้านการต่อต้านการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม และนโยบายการทำประมงอย่างยั่งยืน

4) ด้านการสนับสนุนการเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ในทุกกรอบ เพื่อลดการกีดกันทางการค้าทั้งด้านภาษี และมิใช่ภาษี (เอ็นทีบี) ซึ่งในเรื่องเอฟทีเอ สมาคมมีจุดยืนเสนอรัฐบาลไทยในการเจรจาเอฟทีเอกับทุกประเทศทั้งที่ได้ดำเนินการไปแล้ว เช่น เอฟทีเอ ระหว่างไทย–ออสเตรเลีย และที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เช่น เอฟทีเอ ระหว่างไทย-สหภาพยุโรป ว่าจะต้องไม่มีกำหนดเรื่องแหล่งกำเนิดสินค้าเป็นจุดยืนเดียวกันทั่วโลก เนื่องจากวัตถุดิบคือปลาทูน่าสัดส่วนกว่า 90% เป็นวัตถุดิบนำเข้า ไม่ได้มาจากเรือประมงของประเทศไทยเอง ดังนั้นหากมีการกำหนดแหล่งกำเนิดสินค้าโดยกำหนดสัดส่วนการใช้วัตถุดิบในประเทศไทย ก็จะไม่ได้ประโยชน์ จากข้อตกลง แต่จะกลายเป็นอุปสรรค

5) การพัฒนาแหล่งวัตถุดิบทูน่าในด้านของปริมาณและคุณภาพ ทั้งภายในและต่างประเทศให้เข้าสู่ประเทศไทยมากที่สุด ซึ่งปกติแล้วประเทศไทยจะซื้อวัตถุดิบจากแหล่งในมหาสมุทรแปซิฟิก เช่น ปาปัวนิวกินี หมู่เกาะมาร์แชลล์ และหมู่เกาะโซโลมอน แหล่งในมหาสมุทรอินเดียจากหมู่เกาะซีเชลส์ และซื้อจากฝรั่งเศส และสเปน เป็นต้น ซึ่งจากนี้ไปจะเข้าไปลงทุนเพื่อหาแหล่งวัตถุดิบในเมียนมาร์ เวียดนาม และอินโดนีเซีย เพื่อส่งกลับมาประเทศไทยให้มากขึ้น เพราะวัตถุดิบถือเป็นหัวใจสำคัญในการผลิตส่งออก

6) การเป็นศูนย์กลางของความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับวัตถุดิบและตลาด อาทิ ในเรื่องที่ขณะนี้ทางสหภาพยุโรปได้เก็บภาษีนำเข้าปลาทูน่ากระป๋องจากไทยในอัตรา 24% ซึ่งเป็นภาษีที่สูงน่าจะเกือบที่สุดในโลก ในขณะที่อีกหลายประเทศ เช่น ACP คันทรีในแอฟริกาแคริเบียนแปซิฟิก ส่วนใหญ่เสียภาษี 0% ทำให้ไทยเสียเปรียบอย่างมาก ตรงนี้เป็นประเด็นหลักที่สมาคมผลักดันให้รัฐบาลไปเจรจาเอฟทีเอกับสหภาพยุโรปให้ลดภาษีลงมา และต้องไม่มีการกำหนดเรื่องแหล่งกำเนิดสินค้า

รายชื่อที่ปรึกษาและคณะกรรมการบริหารสมาคม วาระปี 2556-2557

#No ตำแหน่ง ชื่อ-สกุล ผู้แทนของบริษัท
1 ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ นายเชง นิรุตตินานนท์ กลุ่มไทยยูเนี่ยน
2 ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ กลุ่มซีแวลู
3 นายกสมาคม ดร.ชนินทร์ ชลิศราพงศ์ บริษัท ยูนิคอร์ด จำกัด (มหาชน)
4 เลขาธิการและนายทะเบียน นางอรรถพันธ์ มาศรังสรรค์ บริษัท สงขลาแคนนิ่ง จำกัด (มหาชน)
5 อุปนายก นายณัฐ อ่อนศรี บริษัท เซ้าท์อีสต์เอเชี่ยนแพคเกจจิ้งแอนด์แคนนิ่ง จำกัด
6 อุปนายก นายสมบูรณ์ โชติวัฒนะพันธุ์ บริษัท โชติวัฒน์อุตสาหกรรมการผลิต จำกัด
7 อุปนายก นายนรินทร์ นิรุตตินานนท์ บริษัท ไทยรวมสินพัฒนาอุตสาหกรรม จำกัด
8 เหรัญญิก นายวิชัย กรณปกรณ์ บริษัท พัทยาฟู้ดอินดัสตรี จำกัด
9 กรรมการ นายอมรพันธุ์ อร่ามวัฒนานนท์ บริษัท ไอ เอส เอ แวลู จำกัด
10 กรรมการ นายสุฑีร์ ธีระกิตติพงษ์ บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
11 กรรมการ นายกัมพล วัชระนิมิต บริษัท ทรอปิคอลแคนนิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)